ไมเกรน โรคปวดศีรษะที่พบบ่อยและวิธีการดูแลรักษา
ไมเกรนเป็นโรคปวดศีรษะเรื้อรังที่พบได้บ่อยในทุกช่วงวัย โดยเฉพาะในผู้หญิงช่วงวัยทำงาน อาการของไมเกรนสามารถส่งผลกระทบต่อการทำงานและคุณภาพชีวิตประจำวันได้อย่างมาก แม้ว่าจะเป็นภาวะที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อชีวิต แต่การจัดการอาการให้เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข
ไมเกรนคืออะไร
ไมเกรนเป็นโรคที่มีลักษณะเฉพาะคือการปวดศีรษะอย่างรุนแรงและเป็นช่วง ๆ โดยมักมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หรือความไวต่อแสงและเสียง ไมเกรนมักเกิดจากการทำงานผิดปกติของระบบประสาทและการขยายตัวของหลอดเลือดในสมอง อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวหรือเรื้อรังขึ้นอยู่กับปัจจัยกระตุ้น
อาการของไมเกรน
อาการที่พบบ่อย
- ปวดศีรษะข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง
- ปวดแบบตุบ ๆ หรือปวดลึกในหัว
- คลื่นไส้และอาเจียน
- ไวต่อแสง เสียง หรือกลิ่น
- การมองเห็นผิดปกติ เช่น เห็นแสงวูบวาบ (Aura)
ระยะของอาการไมเกรน
- ระยะก่อนเริ่มปวด (Prodrome):
อาการเช่น อ่อนเพลีย หงุดหงิด หรืออยากอาหารเฉพาะชนิดเกิดขึ้น 1-2 วันก่อนปวด
- ระยะเห็นแสง (Aura):
ผู้ป่วยบางรายอาจมีการมองเห็นผิดปกติ เช่น เห็นแสงวูบวาบ หรือมีอาการชาตามร่างกาย
- ระยะปวดศีรษะ (Headache):
อาการปวดศีรษะรุนแรงและต่อเนื่องหลายชั่วโมงถึงหลายวัน
- ระยะหลังปวด (Postdrome):
อาการอ่อนเพลียและซึมเศร้าหลังจากอาการปวดศีรษะหายไป
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
สาเหตุ
- การทำงานผิดปกติของระบบประสาทและสารเคมีในสมอง
- การเปลี่ยนแปลงของหลอดเลือดสมอง
- ปัจจัยทางพันธุกรรม
ปัจจัยกระตุ้น
- ความเครียด
- การพักผ่อนไม่เพียงพอ
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในผู้หญิง
- การรับประทานอาหารบางชนิด เช่น ช็อกโกแลต คาเฟอีน หรืออาหารที่มีสารกันบูด
- การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
วิธีการวินิจฉัย
แพทย์จะวินิจฉัยโรคไมเกรนโดยการสอบถามประวัติอาการปวดศีรษะและการตรวจร่างกายเบื้องต้น หากอาการไมเกรนมีความซับซ้อนหรือรุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) หรือการตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อแยกโรคอื่น ๆ ที่อาจมีอาการคล้ายคลึงกัน
การรักษาไมเกรน
การใช้ยา
- ยาบรรเทาอาการ: ใช้บรรเทาอาการปวดศีรษะเมื่อไมเกรนเริ่มต้น เช่น
- Relpax (Eletriptan): ยาในกลุ่ม Triptans ที่ช่วยลดการขยายตัวของหลอดเลือดและบรรเทาอาการปวดศีรษะได้อย่างรวดเร็ว
- ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟนหรือพาราเซตามอล
- ยาป้องกัน: สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการไมเกรนบ่อยครั้ง แพทย์อาจสั่งยาเพื่อป้องกันอาการ เช่น
- ยากลุ่มเบต้า-บล็อกเกอร์
- ยากลุ่มต้านอาการซึมเศร้า
- ยากันชัก
การบำบัดแบบไม่ใช้ยา
- การทำกายภาพบำบัด เช่น การนวดเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
- การฝึกสมาธิหรือโยคะเพื่อลดความเครียด
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การปรับเวลานอนและหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น
วิธีป้องกันไมเกรน
- หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่อาจกระตุ้นอาการ
- นอนหลับให้เพียงพอและรักษาเวลานอนให้สม่ำเสมอ
- บริหารจัดการความเครียดด้วยการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย
- จดบันทึกอาการเพื่อหาสาเหตุและปัจจัยกระตุ้น
ไมเกรนเป็นโรคที่สามารถจัดการได้ด้วยการดูแลตัวเองและการรักษาที่เหมาะสม หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการไมเกรนบ่อยครั้ง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม การใช้ยาบรรเทาอาการ เช่น Relpax (Eletriptan) หรือการป้องกันด้วยยากลุ่มเฉพาะสามารถช่วยให้คุณกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีคุณภาพอีกครั้ง
